ผมยังไม่เคยเจอคนที่รักความสมบูรณ์แบบที่ชีวิตเต็มไปด้วยความสงบในจิตใจแม้แต่คนเดียว
การมุ่งหวังให้ทุกสิ่งสมบูรณ์แบบกับความปรารถนาที่จะมีความสงบในจิตใจนั้นเป็นสิ่งที่ขัดแย้งกันอย่างรุนแรง
เมื่อใดก็ตามที่เราหวังให้ทุกสิ่งเป็นอย่างที่ใจเราต้องการ มากกว่าปล่อยให้มันเป็นในสิ่งที่มันเป็น
เมื่อนั้นเราจะตกอยู่ในสงครามที่ไม่มีวันชนะ
แทนที่เราจะยินดีและขอบคุณในสิ่งที่เรามีอยู่
เรากลับจ้องมองไปที่ข้อผิดพลาดของสิ่งนั้น และหาทางที่จะแก้ไขมันตลอดเวลา ยามที่เรารู้สึกว่างเปล่าในจิตใจ
เมื่อโลกไม่ได้เป็นอย่างที่เราต้องการ นั่นบอกเป็นนัยว่าเรายังไม่พึงพอใจในความไม่สมบูรณ์แบบของโลกใบนี้
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเราอย่าง
ตู้ใส่ของที่รกรุงรัง รอยขีดข่วนบนฝากระโปรงรถ เพื่อนร่วมงานนิสัยแย่
น้ำหนักตัวที่มากกว่าที่ควรจะเป็น ใครบางคนแย่ๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิต
สายตาคนอื่นที่มองเรา อุปนิสัย หรือการดำรงชีพของผู้อื่น เมื่อพบเจอความไม่สมบูรณ์แบบแล้วเพ่งมองไปที่ความไม่สมบูรณ์แบบเพียงอย่างเดียวจะนำเราออกห่างจากชีวิตที่เรียบง่ายและมีความสุข
วิธีจัดการเรื่องนี้คือไม่ต้องไปทำอะไรเพื่อให้สิ่งที่ขวางหูขวางตาเราหายไปจนหมด
สิ่งที่เราต้องทำคือใส่ใจในเรื่องผิดพลาดต่างๆให้น้อยลง มันเป็นเรื่องของการตระหนักว่า ถึงแม้เราสามารถทำทุกสิ่งทุกอย่างให้ดีขึ้นได้
แต่ก็ไม่จำเป็นที่เราต้องขุ่นเคืองและไม่มีความสุขไปกับชีวิตจนกว่าทุกอย่างจะสมบูรณ์แบบ
เราสามารถมีความสุขกับชีวิตได้ทันทีในแบบที่มันเป็น
ทางออกของเรื่องนี้คือ
จงมีสติในการดึงตัวเองออกมา ก่อนที่จะจมลงไปในความไม่พอใจโลกใบนี้และก่นด่าว่าโลกควรจะดีกว่าที่มันเป็น
เตือนตัวเองอย่างอ่อนโยนเสมอว่า “ชีวิตนั้นสวยงามในแบบที่มันเป็นอยู่แล้ว” เมื่อใดที่เราเลิกตัดสินทุกอย่าง
ทุกอย่างก็ดูจะดีขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อใดที่เราเลิกต้องการให้ทุกอย่างในชีวิตเราสมบูรณ์แบบ
เราจะเริ่มค้นพบความสมบูรณ์แบบของชีวิตอย่างที่มันเป็น