มันมีเวทย์มนต์ในจิตใจของมนุษย์เราแบบหนึ่งซ่อนอยู่
ความรู้สึกสุขสงบจะครอบคลุมไปทั่วทุกอณูของจิตใจในยามที่เราไม่ต้องการเกียรติยศ
ชื่อเสียง หน้าตา หรือความสนใจใดๆ ในยามที่เรายอมปล่อยสิ่งเหล่านี้ให้กับผู้อื่นแทนที่จะกระหายเก็บเอาไว้กับตัวเอง
ความต้องการเป็นที่สนใจที่ไม่มีวันพอของเราคืออีโก้ที่อยากให้โลกใบนี้มีเราเป็นศูนย์กลาง
อีโก้นี้จะตะโกนว่า “มองมาที่ชั้นสิ ชั้นเป็นคนพิเศษนะ เรื่องของชั้นน่าสนใจกว่าเรื่องที่คุณพูดเยอะเลย”
มันเป็นเสียงตะโกนที่อยู่ในใจของเราที่ไม่มีคนอื่นได้ยิน เจ้าอีโก้นี้เชื่อว่า “ความสำเร็จของเราย่อมสำคัญกว่าความสำเร็จของใครๆ”
อีโก้นี่แหละที่ทำให้เราอยากมีคนสนใจ มีคนฟัง มีคนเคารพ และมีคนเห็นว่าเราเป็นคนพิเศษ
สิ่งที่อีโก้เราต้องการเป็นสิ่งที่ต้องชิงมาจากผู้อื่น
มันนี่เองที่ทำให้เราชอบพูดขัดคอเวลาคู่สนทนากำลังพูด และ
ทำให้เราขาดความอดทนรอให้ถึงโอกาสพูดของตัวเอง คนที่มีอีโก้สูงจึงพยายามดึงบทสนทนาและความความสนใจทั้งหมดกลับมาที่ตัวเองตลอดเวลา
พวกเราหลายคนมีนิสัยเช่นนี้ ซึ่งมันก่อให้เกิดความเสียหายโดยที่เราไม่รู้ตัว
เวลาที่เราพยายามดึงบทสนทนากลับมาเป็นเรื่องของเรา เรากำลังค่อยๆทำลายความสุขของคู่สนทนาไปทีละน้อย
มันเป็นการสร้างช่องว่างระหว่างเรากับคู่สนทนาให้กว้างขึ้น
และท้ายที่สุดจะไม่มีใครได้ประโยชน์จากพฤติกรรมนี้เลย
โอกาสหน้า เวลามีใครบอกเล่าเรื่องราวความสำเร็จของเขากับเรา
ตั้งสติให้ดี อย่าพูดเรื่องของเราเวลาแทรกกลับไป ปล่อยให้คู่สนทนาได้เพลิดเพลินกับเรื่องราวที่เขาพูดอย่างเต็มที่เสียบ้าง
ถึงแม้ว่านิสัยนี้ยากที่จะแก้ไข แต่โดยทั่วไปแล้ว
เราจะมีความสงบมากขึ้น ยามที่เราสยบอีโก้ของเราเองให้เงียบลง และปล่อยตัวเองให้มีส่วนร่วมในความสำเร็จที่ผู้อื่นนำมาเล่าให้เราฟัง
มันไม่เป็นการดีเลยที่จะขัดคอผู้สนทนาด้วยประโยคทำนองว่า ”ตอนที่ชั้นทำเรื่องแบบนั้นนะ”
หรือ “รู้ไหมวันนี้ชั้นทำอะไร” คราวหน้าเวลามีใครมาเล่าอะไรให้ฟัง กัดลิ้นตัวเองให้นิ่ง
รอฟังเรื่องที่อีกฝ่ายเล่าให้จบก่อน แล้วดูซิว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น
ลองพูดว่า ”โอ้ นั่นเยี่ยมไปเลย” หรือ “แล้วเป็นยังไงต่อ
เล่าสิ เล่าสิ” ดูบ้าง รับรองคู่สนทนาจะตาเป็นประกายและพูดต่ออย่างมีความสุขมากๆ นั่นเพราะเรากำลังฟังสิ่งที่เค้าพูดอย่างตั้งใจ
เค้าจะไม่รู้สึกว่าเราเป็นปรปักษ์ ผลของการทำเช่นนี้จะทำให้ผู้คนรอบข้างรู้สึกผ่อนคลายเมื่ออยู่ใกล้เรา
เพราะเราเป็นคนที่ทำให้เค้ามีความมั่นใจและรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนน่าสนใจ อีกทั้งเราเองก็จะผ่อนคลายด้วยเช่นกัน
เนื่องจากไม่ต้องนั่งเซ็งอยู่บนเก้าอี้และรอว่าเมื่อไหร่จะถึงตาเราพูดเสียที
แน่นอนว่ามันย่อมต้องมีเวลาที่เหมาะสมในการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของกันและกัน
และการแบ่งปันต้องเป็นการสนทนาสองทาง ไม่ใช่เอาแต่พูดอยู่ฝ่ายเดียว
เราเชื่อกันว่าการได้รับความยอมรับและความมั่นใจเป็นสิ่งที่ต้องได้มาจากผู้อื่น
แต่มันย้อนแย้งตรงที่เมื่อเรายอมให้ผู้อื่นได้เกียรติ ได้หน้า ได้พูดอย่างเต็มที่
ความต้องการจะเป็นจุดสนใจของเราจะถูกแทนที่ด้วยความมั่นใจจากภายใน เราได้รับเกียรติยศ
ได้รับความสนใจ จากการที่เรายอมปล่อยให้ผู้อื่นได้รับมันไปก่อนซะอย่างงั้น
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น